วันอังคารที่ 8 มีนาคม พ.ศ. 2559

วัดพระธรรมกายที่ฉันรู้จัก


ตลอดระยะเวลา 14 ปี เกือบครึ่งชีวิตที่ฉันได้รู้จักวัดพระธรรมกาย
 
 
"วัดพระธรรมกาย" สอนให้รู้จักเรื่องบุญ และการสร้างบารมี
"วัดพระธรรมกาย" สอนให้รู้จักรัก และเสียสละเพื่อผู้อื่น
"วัดพระธรรมกาย" สอนให้ทำหน้าที่ชาวพุทธที่แท้จริง สอนให้เข้าใจหลักธรรมคำสอนของพระสัมมาสัมพุทธเจ้า
"วัดพระธรรมกาย" สอนให้กตัญญูรู้คุณต่อบิดามารดา
"วัดพระธรรมกาย" สอนให้นั่งสมาธิ ด้วยวิธีง่ายๆ
"วัดพระธรรมกาย" สอนให้รู้จักทำทาน รักษาศีล
"วัดพระธรรมกาย" สอนให้เคารพพระสงฆ์
"วัดพระธรรมกาย" ทำให้ได้ลูกได้มาเจอหลวงพ่อธัมมชโย ผู้เป็นที่รัก เคารพ และศรัทธาของชาวพุทธ
"วัดพระธรรมกาย" ทำให้ลูกได้มาเจอเพื่อนๆนักสร้างบารมี และหมู่คณะอาสาสมัคร
"วัดพระธรรมกาย" ทำให้ลูกได้ใช้ความรู้ความสามารถมาช่วยงานพระพุทธศาสนา
"วัดพระธรรมกาย" ทำให้ลูกได้ฝึกฝน อบรมตนเองให้เป็นคนดี
"วัดพระธรรมกาย" ทำให้ลูกได้ครอบครัวธรรมกาย คุณแม่นับถือพระรัตนตรัยเป็นที่พึ่ง
"วัดพระธรรมกาย" ทำให้ลูกได้รู้เป้าหมายของชีวิตว่าเกิดมาทำไม


"ฉันรักและศรัทธาวัดพระธรรมกายด้วยชีวิตและหัวใจ"

วันพุธที่ 2 มีนาคม พ.ศ. 2559

มาวัดพระธรรมกายได้อย่างไร.....??

มาวัดพระธรรมกายได้อย่างไร.....???

              ย้อนไป พ.ศ. 2545 พี่สาวได้เข้าชมรมพุทธที่มหาวิทยาลับบูรพา และได้ขออนุญาติคุณแม่เพื่อมาอบรมที่สถานที่แห่งหนึ่งเป็นระยะเวลาเกือบ 2 เดือน ตอนแรกเข้าใจเพียงพี่สาวบอกว่า ที่ที่ไปอบรมจะสอนความเป็นระเบียบ การพับผ้า สอนมารยาท ตัวเราก็เข้าใจไปว่าคงเป็นกิจกรรมอะไรซักอย่างของทางมหาวิทยาลัย ก็ไม่ได้สนใจมากนัก จนไปถึงวันที่ไปรับพี่สาวกลับบ้านถึงรู้ว่าพี่สาวมาอบรมธรรมทายาทหญิง (ผู้หญิง 200%) ที่วัดพระธรรมกาย หลังจากนั้นพี่สาวก็ได้ทำหน้าที่กัลยานิมิตรให้กับคุณแม่ และน้องสาวซึ่งก็คือตัวเรามาโดยตลอด โดยเริ่มจากชวนมาทำบุญที่วัดในอาทิตย์ต้นเดือน และงานบุญใหญ่ เปลี่ยนตัวเองเพื่อให้คุณแม่ยอมรับวัดพระธรรมกาย เนื่องจากคุณแม่แอนตี้วัดพระธรรมกาย และหลวงพ่อธัมมชโยมาก จากการประโคมข่าวของสื่อตั้งแต่วัดพระธรรมกายมีเรื่องราวในปี 2542 ซึ่งพอข่าวและคดีความต่างๆของหลวงพ่อจบลง สื่อทั้งหลายก็ไม่ได้ประโคมข่าวแก้ข้อหาให้ เพียงแต่ลงในหนังสือของตัวเองเป็นช่องเล็กๆเพื่อขอขมาเท่านั้น 
             พี่สาวได้ชักชวนคุณแม่ให้มานับถือพระรัตนตรัยเป็นสรณะ โดยใช้เวลาถึง 3 ปี กว่าคุณแม่จะเลิกเชื่อเรื่องทรงเจ้า และเปลี่ยนห้องพระที่เคยมีพ่อปู่ มีกุมาร เหลือเพียงพระพุทธรูปเท่านั้น...และคุณแม่ก็คลายข้อข้องใจที่มีต่อวัดพระธรรมกายและหลวงพ่อธัมมชโยจนหมดสิ้นเมื่อได้มาศึกษาและเรียนรู้ด้วยตัวเอง คุณแม่พูดให้ฟังบ่อยครั้งว่าได้ขอขมาหลวงพ่อธัมมชโยทุกครั้งที่เคยคิดไม่ดีต่อท่าน และคุณแม่ก็ตั้งใจอุทิศตัวเองช่วยงานพระพุทธศาสนาตั้งแต่นั้นเป็นต้นมา โดยได้ทำหน้าที่ผู้นำบุญร่วมกับหมู่คณะมาโดยตลอด 
             สำหรับตัวเราการทำหน้าที่กัลยาณมิตรของพี่สาว ต้องใช้ความพยายามเป็นอย่างมากในช่วงนั้น เพราะกำลังเป็นช่วงที่ศึกษาอยู่ในรั้วของมหาวิทยาลัย และไม่มีเพื่อนคนไหนที่ชอบทำบุญเลย จนพี่ได้พยายามฝากให้รุ่นพี่ที่อยู่ชมรมพุทธที่ลาดกระบังช่วยดูแล โทรมาเล่าธรรมมะให้ฟัง ชวนไปวัด จากที่ต้องมีพี่คอยโทรตาม เราก็เริ่มไปขึ้นรถได้ด้วยตัวเอง โชคดีที่เพื่อนรอบข้างไม่มีใครคัดค้าน เพราะเราก็ยังทำตัวปกติเหมือนวัยรุ่นทั่วไป แต่การมาวัดบ่อยขึ้นเรื่อยๆของเราก็ทำให้ญาติพี่น้องต้องแปลกใจ เพราะโดยนิสัยตั้งแต่เด็ก ไม่ได้เป็นคนที่เรียบร้อย และชอบทำบุญมากนัก โดยความคิดของญาติพี่น้องตอนนั้นคือ คนไปวัดต้องเรียบร้อย ไปนั่งสมาธิอย่างเดียว ซึ่งที่วัดพระธรรมกายไม่ใช่แบบนั้น เพราะนอกจากการปฏิบัติธรรมแล้ว ยังมีกิจกรรมต่างๆให้เด็กวัยรุ่นได้ทำ เช่นการมาทำหน้าที่ อาสาสมัคร ช่วยจัดรองเท้าให้สาธุชนที่มาวัด ได้ช่วยกันรักษาบรรยากาศในขณะที่หลวงพ่อนำนั่งสมาธิให้เงียบสงบ ได้เตรียมอาหารให้อาสาสมัครที่มารับบุญ และช่วยแจกน้ำให้สาธุชน โดยทุกอย่างที่ทำไม่ว่าจะเล็กหรือใหญ่ หลวงพ่อธัมมชโยก็สอนว่าได้บุญหมด อยู่ที่ความใสและบริสุทธิ์ของใจเราขณะทำ  
             นอกจากนั้นการได้เข้าวัด ได้รู้เรื่องศีล 5 ได้ฟังโอวาทของหลวงพ่อธัมมชโย ทำให้เรามีหลักในการดำเนินชีวิตอยู่ท่ามกลางกระแสกิเลส หลายครั้งที่เกือบสอนตัวเองไม่ได้และเกือบทำผิดศีล แต่สุดท้ายก็คิดได้ หลวงพ่อธัมมชโยสอนให้ลูกมีสัมมาทิฐิ สอนให้ลูกได้ทำหน้าที่ชาวพุทธที่แท้จริง ซึ่งเด็กวัยรุ่นน้อยคนนักจะเข้าใจ คงไม่มีอะไรดีไปกว่าการที่ครอบครัวของเราเป็นสุข เป็นกัลยาณมิตรซึ่งกันและกัน ชักชวนกันทำความดี หลวงพ่อธัมมชโยทำให้ลูกภูมิใจที่ได้เกิดมาในครอบครัวแก้ว ครอบครัวธรรมกาย และได้มาเจอหมู่คณะดีๆจวบจนวันนี้ค่ะ

2-มีนาคม-2559
อาสาสมัครวัดพระธรรมกาย